โครงงานเรื่องเเชมพูว่านหางจรเข้ผสมดอกอัญชัญ

โครงงานวิทยาศาสตร์

ชื่อโครงงาน แชมพูว่านหางจระเข้ผสมดอกอัญชัญ

วิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 30283

 

 

ผู้จัดทำ

  1. นายธีรยุทธ เลิศสกุลกิจ เลขที่    4
  2. นางสาว ปภัสรา จรัสบุญไพศาล   เลขที่ 21
  3. นางสาวสุกัญญา เรืองรัมย์ เลขที่ 31
  4. นางสาว สุพัตตา สุขสำราญ เลขที่ 34

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/5

 

 

 

 

ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา

นางรัตนัตตยา จันทนะสาโร

 โรงเรียนภัทรบพิตร เขตพื้นที่การศึกษา 32

ปีการศึกษา 1 / 2559

โครงงานวิทยาศาสตร์

ชื่อโครงงาน แชมพูว่านหางจระเข้ผสมดอกอัญชัญ

วิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 30283

 

 

ผู้จัดทำ

  1. นายธีรยุทธ เลิศสกุลกิจ เลขที่ 4
  2. นางสาว ปภัสรา จรัสบุญไพศาล เลขที่ 21
  3. นางสาวสุกัญญา เรืองรัมย์ เลขที่ 31
  4. นางสาว สุพัตตา สุขสำราญ เลขที่ 34

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/5

 

 

ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา

นางรัตนัตตยา จันทนะสาโร

โรงเรียนภัทรบพิตร เขตพื้นที่การศึกษา 32

ปีการศึกษา 1 / 2559

คำนำ

โครงงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง การทำแชมพูว่านหางจระเข้ผสมดอกอัญชัญ และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อนประโยชน์ต่อการเรียน

ผู้จัดทำหวังว่าโครงงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัย ณ ที่นี้ด้วย

 

คณะผู้จัดทำ

 

 

 

 

 

 

 

 

สารบัญ

เรื่อง                                                                                                                       หน้า

คำนำ                                                                                                                                     ก

สารบัญ                                                                                                                                 ข

กิตติกรรมประกาศ                                                                                                               ค

บทคัดย่อ                                                                                                                               ง

บทที่ 1 บทนำ                                                                                                                        1

  • ที่มาและความสำคัญของโครงงาน 1
  • วัตถุประสงค์ 2
  • ขอบเขตของการทำการศึกษาค้นคว้า 2
  • สมมติฐานของการศึกษา 2
  • ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ                                                 3

บทที่ 2 เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง                                                                             4

บทที่ 3 วิธีการจัดทำโครงงาน                                                                                             5

  • วัสดุและอุปกรณ์ 5
  • วิธีทำแชมพู              6

บทที่ 4 ผลการศึกษา                                                                                                           9

บทที่ 5 สรุปและข้อเสนอแนะ                                                                                          10

เอกสารอ้งอิง

กิตติกรรมประกาศ

โครงงานเรื่อง แชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญ จะสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้ถ้าไม่รับความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง และความร่วมมือของเพื่อนๆ ในกลุ่ม

ขอขอบคุณผู้ปกครอง และผู้นำชุมชนที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ และให้กำลังใจตลอดมา คณะผู้จัดทำโครงงานขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ ณ โอกาสนี้

 

 

คณะผู้จัดทำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทคัดย่อ

โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง แชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญ เกิดขึ้นจากการสังเกตพฤติกรรม การเลือกซื้อแชมพูของผู้บริโภคตามท้อง ตลาดซึ่งถ้าเป็นสินค้าคุณภาพดีก็จะราคาแพง แต่ถ้าคุณต่ำราคาของสินค้าก็จะต่ำไปตามคุณภาพ จากประสบการณ์ของผู้ทำโครงงานและความรู้ทางภูมิปัญญาชาวบ้านพบว่าน หางจระเข้มีสรรพคุณที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดจุดด่างดำ สมานรอยแผลและลดสิวเสี้ยนได้ดี ช่วยให้เส้นผมนุ่มสวย ส่วนดอกอัญชัญ ทำให้เส้นผมดูดำเป็นเงางามอีกทั้งยังไม่ต้องซื้อให้สิ้นเปลืองเงิน สามารถหาได้ตามบ้านเรือนทั่วไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 1

บทนำ

ที่มาและความสำคัญ 

       เรื่อง แชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญ เกิดขึ้นจากการสังเกตพฤติกรรม การเลือกซื้อแชมพูของผู้บริโภคตามท้อง ตลาดซึ่งถ้าเป็นสินค้าคุณภาพดีก็จะราคาแพง แต่ถ้าคุณต่ำราคาของสินค้าก็จะต่ำไปตามคุณภาพ จากประสบการณ์ของผู้ทำโครงงานและความรู้ทางภูมิปัญญาชาวบ้านพบว่าน หางจระเข้มีสรรพคุณที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดจุดด่างดำ สมานรอยแผลและลดสิวเสี้ยนได้ดี ช่วยให้เส้นผมนุ่มสวย ส่วนดอกอัญชัญ ทำให้เส้นผมดูดำเป็นเงางามอีกทั้งยังไม่ต้องซื้อให้สิ้นเปลืองเงิน สามารถหาได้ตามบ้านเรือนทั่วไป

ทุกวันนี้แชมพูเกือบจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะ ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุภาพสตรีต้องหาซื้อหามาทำความสะอาด และบำรุง เส้นผม และเพื่อเส้นผมให้นุ่มสวยอยู่เสมอ ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหนังศรีษะเป็นธุรกิจที่ทำเงินมหาศาล มีทั้งบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ไปจนถึงกลุ่มแม่บ้านที่กำลังแย่งชิงกันผลิตสินค้าออกมาเอาใจผู้บริโภค แต่ไม่มีคนเห็นคุณค่าของว่านหางจระเข้และดอกอัญชัญผู้จัดทำโครงงานจึงคิดทำแชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญขึ้นมา

แชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญ สามารถขจัดความมันบนหนังศรีษะได้ทำให้ผมนุ่มและมีขั้นตอนการทำไม่ยาก และวัตถุดิบก็หาได้ง่าย อย่างว่านหางจระเข้และดอกอัญชัญก็สามารถหาได้ทั่วไปตามครัวเรือน และยังเป็นการนำพืชสมุนไพรจากท้องถิ่นของเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

 

 

 

 

วัตถุประสงค์

เพื่อศึกษาการขัดทำแชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญว่ามีประสิทธิภาพในการขจัดคราบไขมันและรังแคบนหนังศรีษะได้หรือไม่

 

ขอบเขตของการทำการศึกษาค้นคว้า

  1. ศึกษาประโยชน์ของว่านหางจระเข้และดอกอัญชัญต่อร่างกายและเส้นผม
  2. ศึกษาวิธีทำแชมพู

 สมมติฐานของการศึกษา

ว่านหางจระเข้สามารถทำให้เส้นผมนุ่มสวยได้ ส่วนดอกกอัญชัญสามารถทำให้เส้นผมดูดำเป็นเงางามถ้าผสมหัวแชมพูกับน้ำว่านหางจระเข้แล้วเติมสีจากดอกอัญชัญเข้าไปสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและเส้นผม

ตัวแปร

ตัวแปรต้น – ว่านหางจระเข้และดอกอัญชัญ

ตัวแปรตาม – ทำให้เส้นผมนุ่มสวยดำเป็นเงางาม

แปรควบคุม – ว่านหางจระเข้1000 กรัม ดอกอัญชัญ300 กรัม

หัวแชมพู 1000

ผงฟอง 100 กรัม

 

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.ได้รู้ว่าถึงสรรพคุณว่านหางจระเข้และดอกอัญชัญ

2.ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากในการซื้อแชมพูมาใช้

3.ได้เรียนรู้วิธีการทำแชมพู

4.เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 2

เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง

ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados

ชื่ออื่น :  หางตะเข้ (ภาคกลาง) ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนือ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.

ชื่อวงศ์ :  Asphodelaceae

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและยาว โคนใบใหญ่ ส่วนปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบหนาสีเขียว มีจุดยาวสีเขียวอ่อน อวบน้ำ ข้างในเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน ดอก ออกเป็นช่อกระจะที่ปลายยอด ก้านช่อดอกยาว ดอกสีแดงอมเหลือง โคมเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 6 แฉก เรียงเป็น 2 ชั้น รูปแตร ผล เป็นผบแห้งรูปกระสวย

ส่วนที่ใช้ :  ยางในใบ น้ำวุ้น เนื้อวุ้น และเหง้า

สรรพคุณ :

  • ใบ – รสเย็น ตำผสมสุรา พอกฝี
  • ทั้งต้น – รสเย็น ดองสุราดื่มขับน้ำคาวปลา
  • ราก – รสขม รับประทานถ่ายโรคหนองใน แก้มุตกิด
  • ยางในใบ – เป็นยาระบาย
  • น้ำวุ้นจากใบ – ล้างด้วยน้ำสะอาด ฝานบางๆ รักษาแผลสดภายนอก น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ทำให้แผลเป็นจางลง ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด ทาผิวรักษาสิวฝ้า และขจัดรอยแผลเป็น
  • เนื้อวุ้น – เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
  • เหง้า – ต้มรับประทานแก้หนองใน โรคมุตกิด

 

 

 

 

บทที่ 3

วิธีการจักทำโครงงาน

วิธีการดำเนินงาน

 

อุปกรณ์

1.ว่านหางจระเข้ 1000 กรัม

2.ดอกอัญชัญ200 กรัม

3.หัวแชมพู

4.ผงฟอง                                                                                                                                                                                        5.ผงข้น

6.ลาโลลีน

7.กันบูด

8.หัวน้ำหอม

9.ขวดบรรจุภัณฑ์

10.หม้อขนาดใหญ่

11.ทัพพี หรือ ไม้คน

 

 

  วิธีการทำแชมพู

 

  1. นำว่านหางจระมาปอกเลือก และล้างเมือกของว่านหางจระเข้ออกให้หมด

 

2.นำว่านหางจระเข้ที่ล้างเมือกออกหมดแล้ว มาต้มน้ำให้อุ่นพอเหมาะไม่ต้องเดือดเมื่ออุ่นได้ที่แล้วให้นำมากรองเอาแต่น้ำ

 

 

 

  1. นำดอกอัญชัญมาคั้นเอาน้ำสี

 

 

4.ใส่หัวแชมพู+ผงฟอง+ผงข้น+ลาโลลีน+กันบูด+สีดอกอัญชัญ+หัว น้ำหอมลงไป

 

 

5.คนให้เข้ากัน

 

 

 

6.เมื่อได้ที่แล้วก็บรรจุใสขวด

 

 

 

 

บทที่ 4

ผลการศึกษา

จากการศึกษาการทำแชมพูว่านห่างจระเข้สุตรผสมดอกอัญชัญ ในการจัดทำโครงงานครั้งนี้

แชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญ สามารถขจัดความมันบนหนังศรีษะได้ทำให้ผมนุ่มและมีขั้นตอนการทำไม่ยาก และวัตถุดิบก็หาได้ง่าย อย่างว่านหางจระเข้และดอกอัญชัญก็สามารถหาได้ทั่วไปตามครัวเรือน และยังเป็นการนำพืชสมุนไพรจากท้องถิ่นของเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

 

 

บทที่ 5

 สรุปและข้อเสนอแนะ

สรุปผลการศึกษา

แชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัญ สามารถขจัดความมันบนหนังศรีษะได้ทำให้ผมนุ่มและมีขั้นตอนการทำไม่ยาก และวัตถุดิบก็หาได้ง่าย อย่างว่านหางจระเข้และดอกอัญชัญก็สามารถหาได้ทั่วไปตามครัวเรือน และยังเป็นการนำพืชสมุนไพรจากท้องถิ่นของเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

 

ข้อเสนอแนะ

  1. สามารถดัดแปลงกลิ่นได้โดยการเติมหัวน้ำหอมลงไป
  2. สามารถดัดแปลงสีได้ โดยใส่สีตามที่ต้องการลงไป
  3. อาจนำสมุนไพรอื่นมาทำแชมพูก็ได้

 

 

 

 

 

เอกสารอ้างอิง

https://krukotchaporn.wordpress.com

http://www.biogang.net/

http://frynn.com/

 

 

 

 

 

 

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

โครงงานเรื่องสมุนไพรพอกหน้า

โครงงานวิทยาศาสตร์
ชื่อโครงงาน สมุนไพรครีมพอกหน้า
วิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 30283

ผู้จัดทำ
1. นายศักดิ์สิทธ์ แก้วสีใส เลขที่ 4
2. นางสาว จิรนันท์ ละเอียด เลขที่ 16
3. นางสาวมณีรัตน์ การเพียร เลขที่ 25
4. นางสาว สิริพิชญ์ อาญาเมือง เลขที่ 30
5. นายวันเฉลิม ฉัตรทันต์ เลขที่ 48
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/5

ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
นางรัตนัตตยา จันทนะสาโร

โรงเรียนภัทรบพิตร เขตพื้นที่การศึกษา 32
ปีการศึกษา 1 / 2559
โครงงานวิทยาศาสตร์
ชื่อโครงงาน สมุนไพรครีมพอกหน้า
วิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 30283

ผู้จัดทำ
1. นายศักดิ์สิทธ์ แก้วสีใส เลขที่ 4
2. นางสาว จิรนันท์ ละเอียด เลขที่ 16
3. นางสาวมณีรัตน์ การเพียร เลขที่ 25
4. นางสาว สิริพิชญ์ อาญาเมือง เลขที่ 30
5. นายวันเฉลิม ฉัตรทันต์ เลขที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/5

ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
นางรัตนัตตยา จันทนะสาโร
โรงเรียนภัทรบพิตร เขตพื้นที่การศึกษา 32
ปีการศึกษา 1 / 2559

คำนำ
โครงงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง สมุนไพรพอกหน้า และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อนประโยชน์ต่อการเรียน
ผู้จัดทำหวังว่าโครงงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัย ณ ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
บทคัดย่อ ง
บทที่ 1 บทนำ 1
– ที่มาและความสำคัญของโครงงาน 1
– วัตถุประสงค์ 2
– ขอบเขตของการทำการศึกษาค้นคว้า 2
– สมมติฐานของการศึกษา 2
– ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
บทที่ 2 เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง 3
บทที่ 3 วิธีการจัดทำโครงงาน 8
– วัสดุและอุปกรณ์ 9
– วิธีทำสมุนไพรพอหน้า 9
บทที่ 4 ผลการศึกษา 10
บทที่ 5 สรุปและข้อเสนอแนะ 11
เอกสารอ้งอิ
กิตติกรรมประกาศ

คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณผู้นำชุมชนได้กรุณา แนะนำความรู้เรื่องการนำมะละกอ มาใช้ประโยชน์และขอขอบพระคุณครูที่กรุณาให้คำแนะนำในการจัดทำโครงงาน และเป็นที่ปรึกษาโครงงาน
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ คณะผู้จัดทำโครงงานทุกคนที่ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ให้ข้อแนะนำเสนอแนะ ทำให้ผลงานออกมาได้

คณะผู้จัดทำ

บทคัดย่อ

มะละกอสุกมีประโยชน์อีกอย่างที่สำคัญคือ ในผลสุกจะมีวิตามินเอ แคลเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี2 และสารอาหารที่สำคัญสำหรับคุณสาวๆ นั่นคือ เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณ ในด้านความงามเช่น บำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ชะลอความแก่ ฯลฯ นับได้ว่ามะละกอเป็นผลไม้เพื่อความงามก็ไม่น่าจะผิด
ประโยชน์ของมะละกอที่มากมายทั้งสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของมะละกอในด้านช่วยบำรุงความงามของสตรีและให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพียงเท่านี้ก็ทำให้มะละกอเป็น “ผลไม้เพื่อสุขภาพ” ได้อย่างแท้จริงสิ่งที่หาได้ง่ายภายในบ้านมาใช้ให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความสามัคคี ส่งเสริมการทำงานเป็นกลุ่ม

บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ

มะละกอสุกมีประโยชน์อีกอย่างที่สำคัญคือ ในผลสุกจะมีวิตามินเอ แคลเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี2 และสารอาหารที่สำคัญสำหรับคุณสาวๆ นั่นคือ เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณ ในด้านความงามเช่น บำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ชะลอความแก่ ฯลฯ นับได้ว่ามะละกอเป็นผลไม้เพื่อความงามก็ไม่น่าจะผิด
เนื่องจากประโยชน์ของมะละกอที่มากมายทั้งสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของมะละกอในด้านช่วยบำรุงความงามของสตรีและให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพียงเท่านี้ก็ทำให้มะละกอเป็น “ผลไม้เพื่อสุขภาพ” ได้อย่างแท้จริงมะละกอสุกยังมีประโยชน์อีกอย่างที่สำคัญคือ ในผลสุกจะมีวิตามินเอ แคลเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี2 และสารอาหารที่สำคัญสำหรับคุณสาวๆ นั่นคือ เบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณ ในด้านความงามเช่น บำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ชะลอความแก่ ฯลฯ นับได้ว่ามะละกอเป็นผลไม้เพื่อความงามก็ไม่น่าจะผิด และสามารถทำใช้เองได้ภายในครอบครัว เพื่อสุขภาพผิวที่ดี และลดรายจ่ายจากการซื้อเครื่องสำอาง ที่มีราคาแพง
การศึกษาการทำครีมพอหน้าสมุนไพร เป็นการนำเอาสมุนไพรใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ สามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

วัตถุประสงค์ของการการศึกษา

เพื่อศึกษาทำสมุนไพรครีมพอกหน้าว่ามีประสิทธิภาพในการบำรุงหน้าและหน้าเนียนใสจริงหรือไม่

ขอบเขตของการทำการศึกษาค้นคว้า
1. เพื่อแปรรูปสมุนไพรให้ให้ใช้ประโยชน์ด้านความงามของผิวพรรณ
2. เพื่อศึกษาครีมพอกหน้าจากสมุนไพร จากสมุนไพรใกล้ตัว

สมมติฐานการศึกษา

สามารถนำมะละกอแปรรูปเป็นครีมพอกหน้าสมุนไพรที่ง่ายต่อการใช้

ตัวแปรต้น – มะละกอสุก
ตัวแปรตาม – ทำให้หน้าเนียนใสธรรมชาติ
แปรควบคุม – โยเกิร์ต 500 กรัม น้ำผึ้ง 500 มะละกอสุก 800 กรัม

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. ได้รับความรู้จากการทำครีมพอกหน้าสมุนไพร
2. ได้รับประโยชน์จากการทำครีมพอกหน้าสมุนไพร
3. ฝึกฝนการทำงานเป็นกลุ่ม และการทำงานอย่างเป็นระบบ

บทที่ 2
การศึกษาเอกสารอ้างอิง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Carica papaya L.
ชื่อสามัญ : Papaya, Pawpaw, Tree melon
วงศ์ : Caricaceae
ชื่ออื่น : มะก้วยเทศ (ภาคเหนือ) หมักหุ่ง (ลาว,นครราชสีมา,เลย) ลอกอ (ภาคใต้) กล้วยลา (ยะลา) แตงต้น (สตูล)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 3-6 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลออกขาว ลำต้นตรง ไม่มีแก่น แตกกิ่งก้านน้อย มีรอยแผลใบชัดเจน มียางขาวข้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรอบต้นหนาแน่นที่ปลายยอด ใบรูปฝ่ามือ ขนาด 80-120 ซม. ขอบใบเว้าเป็นแฉกลึกถึงแกนก้าน ก้านใบเป็นหลอด กลมกลวงยาว 25-100 ซม. ดอก ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อยาวห้อยลง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ มีกลิ่นหอม ดอกเพศเมียสีขาว ออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบ ดอกมีขนาดใหญ่ กว่าดอกเพศผู้ ผล รูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มียางสีขาว ผลสดสีเขียวเข้ม พอสุกเปลี่ยนเป็นสีส้ม รับประทานได้ มีเมล็ดมาก เมล็ดกลม สีดำ มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวใส
ส่วนที่ใช้ : ผลสุก ผลดิบ ยางจากผลหรือจากก้านใบ ราก
สรรพคุณ :
• ผลสุก – เป็นยากัน หรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบาย
• ยางจากผลดิบ – เป็นยาช่วยย่อย ฆ่าพยาธิ
ราก – ขับปัสสาวะ
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
• เป็นยาระบาย
ใช้ผลสุกไม่จำกัดจำนวน รับประทานเป็นผลไม้
• เป็นยาช่วยย่อย
ก. ใช้เนื้อมะละกอดิบไม่จำกัด ประกอบอาหาร
ข. ยางจากผล หรือจากก้านใบ ใช้ 10-15 เกรน หรือถ้าเป็นตัวยาช่วยย่อยแท้ๆ ( Papain )
• เป็นยากัน หรือแก้โรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟัน
ใช้มะละกอสุกไม่จำกัด รับประทานเป็นผลไม้ ให้วิตามินซี
• ราก เป็นยาขับปัสสาวะ
ข้อควรระวัง :
สำหรับผู้ที่รับประทานมะละกอสุกติดต่อกันเป็นจำนวนมาก เป็นเวลานาน อาจทำให้สารมีสีพวก carotenoid ไปสะสมในร่างกายมากเกินไป ทำให้ผิวมีสีเหลือง
สารเคมี :
• ในผลมะละกอ ประกอบด้วย โปรตีน 0.5 % คาร์โบไฮเดรต 9.5 % แคลเซี่ยม 0.01 % ฟอสฟอรัส 0.01 % เหล็ก 0.4 มิลลิกรัม/100 กรัม และสารอื่นๆ อีกเล็กน้อย
• ในส่วนของเนื้อมะละกอ จะมี sucrose, invert sugar papain, malic acid และเกลือของ Tartaric acid, citric acid และ pectin จำนวนมาก (มีทั้งในผลดิบด้วย) และ pigment พวก carotenoid และวิตามินต่างๆ
ยางมะละกอ มี enzyme ชื่อ papain ซึ่ง papain เป็นชื่อรวมสำหรับเรียกเอนไซม์จากน้ำยางมะละกอ ซึ่งประกอบด้วย papain 10% chymopapain 45% lysozyme 20%

โยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์นมซึ่งผ่านขบวนการหมัก ทำให้มีรสเปรี้ยวและมีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ซึ่งมีต้นกำเนิดแถวเทือกเขาคอเคซัสของรัสเซีย ในโยเกิร์ตจะประกอบด้วยแบคทีเรียหลักๆ 2 ชนิดด้วยกันคือ Streptococcus thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนนมให้เป็นโยเกริ์ต นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการเติมแบคทีเรีย Bifido และ Lactobacillus casei ในโยเกิร์ตเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารอีกด้วย
คุณค่าทางอาหารของโยเกิร์ตนั้นจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตในโยเกิร์ตในขณะที่รับประทาน ดังนั้นขบวนการผลิต การบรรจุ การเก็บ ตลอดจนการขนส่ง ล้วนแล้วแต่มีผลต่อคุณภาพของโยเกิร์ต ถึงแม้ว่าจะไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนในการกำหนดคุณภาพของโยเกิร์ต แต่โยเกิร์ตที่ดีควรมีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิต 100 ถึง 1000 ล้านตัวต่อปริมาณโยเกิร์ต 1 มิลลิกรัม
กระเพาะอาหารจัดเป็นปราการสำคัญในการกำจัดเชื้อโรค เนื่องจากความเป็นกรดในกระเพาะสามารถฆ่าแบคที่เรียหลายๆชนิดก่อนที่เชื้อโรคเหล่านี้จะผ่านไปยังลำไส้ แบคทีเรียในโยเกิร์ตก็เช่นเดียวกัน จะถูกทำลายไปจำนวนหนึ่งเมื่อผ่านไปที่กระเพาะอาหาร ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรับประทานโยเกิร์ตในปริมาณที่มากพอ เพื่อให้แบคที่เรียที่มีประโยชน์เหล่านี้จำนวนหนึ่งเหลือรอดผ่านไปยังลำไส้ได้ อย่างไรก็ตามในลำไส้เองก็มีแบคทีเรียมากมายหลายประเภทอาศัยอยู่ บางชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกาย บางชนิดไม่มีประโยชน์ เมื่อเรารับประทานโยเกริ์ต แบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ตจัดเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย แบคทีเรียเหล่านี้จึงไม่สามารถที่จะเกาะติดผนังลำไส้ได้ ดังนั้นจึงถูกขับออกจากลำไส้อย่างรวดเร็ว ในรูปของอุจจาระ
การรับประทานโยเกิร์ตให้ได้รับประโยชน์เต็มที่นั้นต้องรับประทานเป็นประจำและต้องเป็นปริมาณที่มากพอ เพื่อให้มีปริมาณแบคทีเรียในลำไส้ปริมาณหนึ่ง เนื่องจากแบคทีเรียใน โยเกิร์ตจะถูกขับออกจากร่างกายในเวลาไม่นานนัก
โยเกิร์ตจัดเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท probiotics ซึ่งหมายถึงอาหารที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากสามารถปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ของผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ประเภท probiotics นอกจากโยเกิร์ตแล้ว ยังได้แก่ นมเปรี้ยว ผักดอง คีเฟอร์

โยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีนชั้นดี ในโยเกิร์ต 8 ออนซ์ประกอบด้วยโปรตีนประมาณ 10-14 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณเท่ากับ 20 % ของความต้องการโปรตีนในแต่ละวัน และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างนมกับโยเกิร์ตปริมาณเท่ากัน ในโยเกิร์ตจะมีโปรตีนปริมาณมากกว่า นอกจากโยเกิร์ตจะเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยโปรตีนแล้ว โปรตีนในโยเกิร์ตยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย
โยเกิร์ตช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล จากการศึกษาพบว่าโยเกิร์ตสามารถลดปริมาณคลอเลสเตอรอลได้เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตสามารถกำจัดคลอเลสเตอรอลได้ และทั้งนี้โยเกิร์ตก็สามารถรวมตัวกับกรดน้ำดีซึ่งเป็นสารตั้งต้นของคลอเลสเตอรอลได้
โยเกิร์ตช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี เนื่องจากในโยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีนที่ย่อยง่ายและกรดแลคติคในโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมแร่ธาตุเข้าผ่านลำไส้
น้ำผึ้ง
สรรพคุณของน้ำผึ้ง
ฤทธิทางยา มีงานวิจัยในหลายประเทศ ยืนยันว่าน้ำผึ้งมีฤทธิ์ทางยา ดังนี้
1. ต้านจุลชีพ (ฆ่าเชื้อโรค) เนื่องจากความเข้มข้นของน้ำผึ้ง จะมีแรงดันออสโมซิส (Osmotic Pressure) ดูดน้ำจากเซลล์เชื้อโรค ทำให้เชื้อโรคฝ่อตาย นอกจากนี้สภาพความเป็นกรด และสารบางชนิด สามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้
2. แก้ท้องเดิน จากฤทธิ์ต้านจุลชีพ ประกอบกับสารน้ำตาลซึ่งสามารถใช้แทนน้ำตาล (เป็นส่วนประกอบสำคัญของสารละลายน้ำตาล เกลือแร่ หรือโออาร์เอส ในการทดแทนสารน้ำในผู้ป่วยที่มีอาการท้องเดิน ) นอกจากนี้น้ำผึ้งยังช่วยเร่งให้ลำไส้ที่อักเสบมีการฟื้นตัวเร็วขึ้น
3. แก้ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา (เชื้อแคนดิดา) ได้ใกล้เคียงกับยาฆ่าเชื้อราแผนปัจจุบัน

4. แก้โรคกลาก และฮ่องกงฟุต จากฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา
5. แก้ตาอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น เยื่อตาขาวอักเสบ กระจกตาดำอักเสบ
6. รักษาบาดแผล จากฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค และสรรพคุณในการลดอักเสบ และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่น้ำผึ้งจึงใช้สมานบาดแผลชนิดต่างๆ เช่น แผลสด แผบถลอก แผลผ่าตัด ฝี แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลเบาหวาน แผลกดทับ (จากการนอนนาน ๆ ) แผลเรื้อรังต่างๆ เป็นต้น
7. บำรุงร่างกายนักกีฬา ให้พลังงานจากสารคาร์โบไฮเดรตที่ดีแก่นักกีฬา ทั้งก่อนเล่น ขณะเล่น และหลังเล่นกีฬา
ประโยชน์ในการรักษาโรค

บำรุงร่างกาย น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นหรือน้ำผลไม้ เหมาะกับผู้เบื่ออาหาร เพิ่งฟื้นไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย น้ำหนักลด ช่วงฟื้นกำลังได้เร็วขึ้นอดนอน น้ำผึ้ง 1 – 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำผลไม้ จะทำให้รู้สึกสดชื่นมีเรี่ยวแรง เหมาะสำหรับผู้ที่เคร่งเครียดอดนอน ทำงานหนัก และอ่อนเพลียยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง ½ – 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า และก่อนนอน ทำให้สุขภาพแข็งแรงนอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มกินเวลาอาหารเย็น หรือก่อนนอน ช่วยให้หลับดี เพราะองค์ประกอบ ส่วนใหญ่ของน้ำผึ้งคือน้ำตาลเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลทันที ก็จะสร้างสารเคมีขึ้นมาชนิดหนึ่งในสมองซึ่งสารตัวนี้มีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้ร่างกายสงบและหลับง่ายขึ้นไอ หลอดลมอักเสบ มีเสมหะ กระเทียม 1 –2 กลีบ น้ำมะนาว ¼ ลูก เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
-ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ น้ำขิงต้มเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อย ดื่มวันละ 3 เวลาหลังอาหาร
-ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มก่อนนอน น้ำผึ้งใหม่ ไม่ค้างปี มีน้ำตาบฟรักโตส ซึ่งมีฤทธิ์ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ใช้แก้อาการท้องผูกในเด็กและผู้สูงอายุได้ดี
-เด็กปัสสาวะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ไม่ผสมน้ำ ดื่มก่อนนอนทุกวัน อาการปัสสาวะรดที่นอนจะดีขึ้น และหายได้
-ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่มประจำ ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียจากการถ่ายท้องรุนแรง อาเจียน เป็นลม หรือเสียเหงื่อมาก
-เด็กแหวะนม น้ำผึ้ง ½ – 1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่มประจำ จะช่วยแก้อาการได้ เพราะในน้ำผึ้งมีน้ำย่อยนม และย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี
-กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกมื้ออาหาร อาการจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ เมื่อหายแล้ว ถ้าดื่มต่อไปเป็นประจำ จะป้องกันไม่ให้เป็น อีก ล้างแผล น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วน ชะล้างแผล น้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้

-แผลฝีมีหนอง หัวหอมแดง 2 หัว ตำให้ละเอียด ผสมน้ำผึ้ง พอกที่หัวฝี ทำให้ฝีแตกเร็ว หายเร็วขึ้น
-แผลเรื้อรัง ใช้น้ำเกลือ หรือน้ำสุก (ที่เย็นแล้ว) ล้างแผลให้สะอาด แล้วใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล จะช่วยให้มีเนื้อใหม่ขึ้นมาเร็วขึ้น เนื่องจากน้ำผึ้งทำให้เชื้อโรคฝ่อตายร่วมกับสารอินฮิบิน หรือ ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ในน้ำผึ้ง มีฤทธิ์ยับยั้งและทำลายเชื้อโรคได้
-แผลไฟไหม้ ใช้น้ำผึ้งที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วทาที่แผล ช่วยลดการหลั่งน้ำเหลืองที่บาดแผล ลดอาการปวด ลดการติดเชื้อ ป้องกันการอักเสบ
-โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2 – 3 ช้อนโต๊ะ ขณะปวด ดื่ม 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอนทุกคืน จะทำให้ทุเลาอาการปวด และหายจากอาการโรคกระเพาะได้
-น้ำกระสายยา ยาไทยส่วนใหญ่มักใช้น้ำผึ้งเป็นน้ำกระสายยา เพื่อช่วยกลบรสยา และแต่งรส
-ยาลูกกลอน ยาลูกกลอนนิยมใช้น้ำผึ้งผสมผงยา แล้วนำไปปั้นเป็นเม็ดกลม ๆ ช่วยให้ผงยาเกาะกันดีขึ้น
จากความรู้ที่ได้มะละกอ โยเกิร์ต และ น้ำผึ้ง เมื่อผสมกันในปริมาณที่เหมาะสมจึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี

บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน

อุปกรณ์
1. เครื่องปั่นน้ำผลไม้
2. แก้วขนาดกลาง 5 ใบ
3. ช้อนสำหรับคน 5 คัน
4. มะละกอสุก 800 กรัม
5. โยเกิร์ต 500 กรัม
6. น้ำผึ้ง 500 กรัม

วิธีทำครีมพอกหน้าสมุนไพร

1. นำมะละกอมาล้างให้สะอาด

2. หั่นมะละกอเป็น 4 เหลี่ยม

3 นำลงไปปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้

3. นำโยเกิร์ต 500 กรัม ลงไปปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้

4. นำน้ำผึ้ง 500 กรัม ลงไปปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ จนเป็นเนื้อเดียวกัน

5. เมื่อเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็นำมาพัก และใส่ในอุปกรณ์ จากนั้นก็ทดลองนำไปใช้พอกบนใบหน้า ประมาณ 10 – 20 นาที แล้ว ล้างออกด้วยน้ำสะอาด จนใบหน้าสะอาด

บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

ผลการศึกษา

จากการทำครีมพอกหน้าสมุนไพรและได้ไปทำการทดลองผลการทดลอง โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม ผล ปรากฏว่า ในการทดลอง จากผู้ใช้ จำนวน 7 คน เป็นเวลา 2 วัน มีความพึงพอใจ และชอบ ในเรื่อง สี กลิ่น และคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ใบหน้านิ่มนวลและไม่แห้งกร้าน ของ ครีมพอกหน้าสมุนไพร รวมทั้ง มีความพึงพอใจหลังจากการทดลองใช้ครีมพอกหน้า โยได้สอบถามส่วนผสม และวิธีการทำ ครีมสมุนไพรพอกหน้า รวมทั้งได้มีความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของมะละกอ น้ำผึ้ง และโยเกิร์ต และวิธีการทำครีมสมุนไพร ไว้ใช้เองได้

บทที่ 5
สรุปและข้อเสนอแนะ

สรุปผลการทดลอง
การศึกษาการทำครีมพอหน้าสมุนไพร เป็นการนำเอาสมุนไพรใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ สามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

ข้อเสนอแนะ

1. สามารถใช้สมุนไพรอื่น ๆนำมาในการนำมาเป็นครีมพอกหน้าสมุนไพร ที่ช่วยให้ใบหน้าของผู้ใช้ ลดฝ้า ลดสิว หรือทำให้ใบหน้าขาวใสและอื่น ๆได้

เอกสารอ้างอิง

http://saravitthathip.exteen.com/
http://www.slideshare.net/

โพสท์ใน วิทยาศาสตร์ | ใส่ความเห็น

วันมาฆบูชา

โพสท์ใน วันมาฆบูชา | ใส่ความเห็น

ละครสุขศึกษา ม.5/2

โพสท์ใน สุขศึกษาเเละพลศึกษา | ใส่ความเห็น

ชนิดของคำในภาษาไทย.mpg

โพสท์ใน ภาษาไทย | ใส่ความเห็น

นิทานคณิตศาสตร์

โพสท์ใน คณิตศาสตร์ | ใส่ความเห็น

น้ำยาเรืองแสง ไปดูคลิปการทดลอง ทางวิทยาศาสตร์แสนสนุกจากเหล่า

โพสท์ใน วิทยาศาสตร์ | ใส่ความเห็น

ความเหลื่อมล้ำ ของสังคมไทย

โพสท์ใน สังคมศึกษา | ใส่ความเห็น

เทคโนโลยีไร้สายในชีวิตประจำวัน

โพสท์ใน เทคโนโลยี | ใส่ความเห็น